สาวๆ หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่า แสงแดดคือตัวการสำคัญที่คอยทำร้ายผิวพรรณ ทั้งที่จริงๆ แล้ว จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า “รอยฝ้า” ไม่ได้เกิดจากแสงแดดหรือความร้อนแต่เพียงอย่างเดียว แม้จะทำงานอยู่ในที่ร่มก็มีโอกาสเป็นฝ้าได้เช่นกัน เนื่องจากสาเหตุที่แท้จริงของฝ้าเกิดจากเซลล์ผิวที่อ่อนแอและเสื่อมสภาพ เมื่อได้รับการกระตุ้นต่างๆ ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ จึงไปกระจุกตัวเป็นหย่อมๆ เกิดเป็นฝ้าให้เห็นจากผิวชั้นนอก
ปัจจัยที่ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพลง
- วัยหรืออายุที่เพิ่มมากขึ้น
- ระดับฮอร์โมนทั่วไปเปลี่ยนแปลงในร่างกาย
- ความเครียดและความกังวล
- สารเคมีและมลภาวะที่ได้รับจากสิ่งแวดล้อมภายนอก
- การผักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
- การขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
หากดูภายนอกแล้ว กระและฝ้าจะมีลักษณะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า กระจะมีลักษณะเป็นจุดสีเข้มกว่าสีผิวปกติและจะเข้มขึ้นเมื่อถูกแสงแดด ซึ่งเป็นความผิดปกติของผิวหนังอันเนื่องมาจากกรรมพันธุ์ สำหรับฝ้าสามารถแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- ฝ้าตื้น จะมีสีน้ำตาลดำเข้ม มีขอบชัดเจน เพราะอยู่ที่เซลล์ผิวชั้นบน
- ฝ้าลึก มีสีน้ำเงินอมม่วงหรือเทาอ่อน ขอบเขตไม่ชัดเจน อยู่ที่ผิวหนังชั้นลึกลงไป รักษายากกว่า
- ฝ้าแบบผสม จะมีลักษณะของฝ้าตื้นและฝ้าลึกรวมกัน
ฝ้าทั้ง 3 ประเภท มีการแก้ไขแบบเดียวกัน คือ การเสริมสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการใช้สารอาหารกลุ่มวิตามินและสมุนไพรที่พัฒนามาเพื่อการแก้ไขปัญหา เรื่องฝ้าโดยเฉพาะ จะส่งผลถึงเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกายให้ทำงานเป็นปกติตามธรรมชาติ โดยเฉพาะเซลล์สร้างเม็ดสีจะมีการกระจายตัวอย่างทั่วถึงตามปกติ ฝ้าที่ตอบสนองต่อการแก้ไขโดยวิธีนี้ค่อนข้างเร็ว ได้แก่ ฝ้าตื้น แต่ฝ้าลึกอาจต้องใช้เวลานานมากขึ้น
วิธีป้องกันรอยฝ้า
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และใช้ครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB อย่างสม่ำเสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงความเครียด และเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลายและครบถ้วน
- หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมทำลายผิวหน้า