ต้อกระจก เป็นภาวะที่ใช้เรียกเลนส์ตาที่มีความขุ่นเกิดขึ้น อาจมีสีขาวขุ่น สีเหลือง หรือสีน้ำตาล ทำให้แสงผ่านเข้าไปยังจอประสาทตาได้น้อยลงภาพที่เกิดขึ้นจึงไม่ชัดเจน เกิดอาการที่เรียกว่าตามัว
อาการของต้อกระจก
แรกเริ่มสายตาจะมัวลงช้า ๆ ตามัวเหมือนมีหมอกมาบัง และเริ่มรบกวนการปฏิบัติภารกิจประจำวัน เช่น การขับรถ การอ่านหนังสือ จะลำบากขึ้น แต่ไม่มีอาการปวดตา อาการตามัวจะเป็นมากขึ้น ถ้าใช้สายตาในที่มีแสงแดดจัด ช่วงที่มีแสงสว่างน้อย หรือสลัวจะเห็นได้ชัดเจนกว่า และในบางรายเมื่อมองแสงไฟจากรถที่วิ่งสวนทางมาในตอนกลางคืน จะเกิดตาพร่ามัวหรือภาพซ้อน ถ้าปล่อยไว้นานอาการตามัวจะมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจถึงขั้นมองเห็นเป็นเพียงเงาเคลื่อนไหว
ถ้าทิ้งไว้โดยไม่ได้ รักษาด้วยการผ่าตัดอย่างเหมาะสมในระยะเวลาที่สมควรอาจเกิดอาการแทรกซ้อนขึ้น เช่น ปวดตาอย่างรุนแรง และลุกลาม กลายเป็นต้อหินเฉียบพลัน หรือม่านตาอักเสบ ซึ่งถ้ารักษาไม่ทันอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นหรือตาบอดในที่สุด
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดคือ อายุพบว่าผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปีจะมีต้อกระจกอยู่แล้วบางส่วน มักพบแก้วตาขุ่นเล็กๆน้อยๆ หรือเป็นต้อกระจกระยะต้นๆ อาจพบจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่จากวัยสูงอายุ เช่น
- โรคเบาหวาน
- ประวัติครอบครัวเป็นต้อกระจก
- เคยได้รับอุบัติเหตุที่ตา
- การใช้ยาบางชนิดเช่น steroid
- ติดสุรา
- เจอแสงแดดมาก
- ต้องสัมผัสรังสีปริมาณมาก
- สูบบุหรี่
- เด็กที่ขาดอาหาร
- เลนส์ตาได้รับการกระทบกระเทืนอย่างแรง เช่นถูกกระแทก
- การใช้ยา steroid เพื่อรักษาโรค
การคัดกรอง
- อายุ 40-65 ปีให้ตรวจตาทุก 2-4 ปี
- อายุมากกว่า 65 ปี ให้ตรวจทุก 1-2 ปี
- ตรวจตาเมื่อมีอาการเปลี่ยนแปลง
การรักษา
การรักษาขึ้นกับสภาพของต้อกระจกกล่าวคือ
- ต้อที่เพิ่งจะเริ่มเป็นและเป็นไม่มาก ต้องรอให้ต้อสุกเสียก่อน ระหว่างนี้ก็ให้ตรวจตาตามแพทย์นัด
- ต้อที่แก่หรือสุกก็ผ่าตัดซึ่งไม่จำเป็นต้องรีบร้อน หากเตรียมตัวพร้อมก็ผ่าตัด
- ต้ที่สุกและเริ่มมีโรคแทรกซ้อนให้ทำการผ่าตัด
การรักษาต้อกระจกทำได้โดยการผ่าตัดเอาเลนส์ที่ขุ่นมัวออก วิธีการผ่าตัดทำได้ 2 วิธี
- Phacoemulsification เป็นวิธีที่นิยมทีสุดโดยการเจาะรูเล็กๆแล้วใช้เครื่อง ultrasound สลายเลนส์และดูดออก
- Extracapsular โดยการผ่าตัดเป็นแผลเล็กๆแล้วเอาเลนส์ที่เสียออก
หลังจากเอาเลนส์ออกแล้วแพทย์ก็จะใส่แก้วตาเทียมเข้าแทนที่อันเดิม หลังผ่าตัดอาจจะมีอาการระคายเคืองตา อาจจะต้องใส่เครื่องป้องกันการขยี้ตา 1-2 วัน หลังผ่าตัก 1 วันก็จะเห็นชัดขึ้นแต่จะชัดที่สุดคือหลังผ่า 4 สัปดาห์และมีความจำเป็นต้องสวมแว่นตา หลังผ่าตัดหากมีอาการเหล่านี้ให้พบแพทย์
- ตามองไม่เห็น
- ปวดตาตลอด
- ตาแดงมากขึ้น
- เห็นแสงแปล็บๆ
- คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะและไอ
ข้อดีของการผ่าตัดต้อกระจก
- มีเลนส์ให้เลือกทั้งเลนส์ปกติและเลนส์ที่สามารถปรับระยะใกล้ไกลได้เพื่อระดับการมองเห็นที่หลากหลาย
- มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยมาก
- เลนส์มีขนาดเล็ก พับได้ สอดเข้าไปภายในตาได้ง่าย
- แผลในการผ่าตัดมีขนาดเล็ก ไม่จำเป็นต้องเย็บแผล
- ไม่ทำให้เนื้อเยื่อกระจกตาเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ
- สามารถรักษาร่วมกับการแก้ไขภาวะสายตาผิดปกติด้วยวิธีอื่นๆ ได้
การป้องกัน
- งดสูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงแสงอาทิตย์